คุณสมบัติผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดแปลงเพศ
- ต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป (น้อยกว่า 20 ปี ต้องมีจดหมายรับรองจากผู้ปกครองเพื่อยินยอมการผ่าตัด)
- ใช้ชีวิตเป็นผู้ชายติดต่อกันมากกว่า 1 ปีขึ้นไป รวมถึงเคยได้รับฮอร์โมนเพศชายมาก่อนอย่างน้อย 1 ปี ในรายที่ต้องการผ่าตัดอวัยวะเพศหญิงที่สำคัญ เช่น ตัดมดลูก, รังไข่
- ผ่านการประเมินสภาพจิตใจและมีใบรับรองจากจิตแพทย์อย่างน้อย 2 ท่าน
- สุขภาพร่างกายแข็งแรง
ข้อควรรู้ก่อนการผ่าตัดแปลงเพศหญิงเป็นชาย
ขั้นตอนที่ 1 : การผ่าตัดเอาเต้านมออก ร่วมกับการตัดมดลูกและรังไข่ออก
ขั้นตอนที่ 2 : การผ่าตัดปิดช่องคลอดร่วมกับการยืดท่อปัสสาวะ การสร้างท่อปัสสาวะที่ท้องแขนโดยใช้ผิวหนังบริเวณสะโพก
ขั้นตอนที่ 3 : การผ่าตัดสร้างอวัยวะเพศด้วยเนื้อเยื่อที่ท้องแขนและสร้างถุงอัณฑะโดยใช้เนื้อเยื่อจากแคมใหญ่
โดยแต่ละขั้นตอนตั้งแต่ขั้นที่ 1 ถึง 3 จะทิ้งช่วงเวลาประมาณ 3-6 เดือน ผู้เข้ารับการผ่าตัดมีเวลาเตรียมตัวและเตรียมเนื้อเยื่อให้หายสนิทก่อนการผ่าตัดขั้นต่อไป และยังสามารถเลือกได้ด้วยตนเองว่าต้องการเปลี่ยนแปลงร่างกายมากน้อยเพียงใด เพราะผู้เข้ารับการผ่าตัดแต่ละรายมีความต้องการเปลี่ยนแปลงร่างกายเป็นชายไม่เหมือนกัน บางรายอาจต้องการเปลี่ยนเฉพาะบางส่วนเท่านั้นก็มีความพอใจแล้ว แต่บางรายต้องการเปลี่ยนแปลงแบบสมบูรณ์ทุกอวัยวะก็สามารถจะเลือกได้เช่นกัน
การดูแลหลังการผ่าตัดแปลงเพศ
- หลังผ่าตัด แพทย์แนะนำให้รับประทานอาหารอ่อนๆ เว้นในบางกรณีที่แพทย์อาจะไม่อนุญาตให้ทานอาหารหรือดื่มน้ำได้ในวันแรก จนมั่นใจว่าไม่มีความผิดปกติหลังผ่าตัด
- รับประทานยาและปฏิบัติตามขั้นตอนการดูแลจากแพทย์อย่างเคร่งครัด
- หากเกิดความผิดปกติใดๆ ขึ้น แนะนำให้มาพบแพทย์
- หลังผ่าตัดแปลงเพศแล้ว ต้องได้รับฮอร์โมนเพศชายต่อไปตลอดชีวิต เพื่อป้องกันการเกิดภาวะขาดฮอร์โมนและเพื่อป้องกันการผุกร่อนของกระดูก
Reviews
There are no reviews yet.